สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ ทางด้านของเอ็นโซ่มาเรสก้าได้เลือกใช้ผู้รักษาประตูอย่างฟิลิปยอร์เกนเซ่นนายทวารป้ายแดงที่พวกเขาได้ตัวมาจากบียาร์เรอัลกับค่าเหนื่อยประมาณ 21 ล้านปอนด์ลงเฝ้าเสา ซึ่งต้องบอกว่าโดนรับน้องใหม่ เชลซี โดยทันที เพราะพลพรรค สิงโตน้ำเงินคราม โดน ราชันชุดขาว กระหน่ำ 2 ประตูตั้งแต่ในช่วงครึ่งเวลาแรก อีกทั้งลูกแรกที่เสียก็ยังเป็นลูกก้ำกึ่งว่าถ้า ยอร์เกนเซ่น หากว่าพุ่งได้ไกลกว่านี้สักนิด นั่นอาจทำให้สิงห์บลูส์รอดพ้นจากการเสียประตูได้ หลังจากนั้นทางด้านของนายประตูชาวสวีดิชก็ยังไม่ได้มีโอกาสโชว์ซุปเปอร์เซฟให้เห็นในเกมนี้
เกมนี้เราเห็นข้อดีของยอร์เกนเซ่น ได้จากการเล่นบอลกับเท้าได้ดี ซึ่งนั่นถือว่าตรงโจทย์กับแท็คติกของมาเรสก้าที่เชลซีเขาต้องการเน้นการขึ้นเกมจากผู้รักษาประตูและกองหลังเป็นหลัก โดยถ้านับเฉพาะข้อนี้ยอร์เกนเซ่นก็ถือว่าสอบผ่านนารลงสนามนัดแรก ของเขา เพราะถ้าเทียบกับโรเบิร์ตซานเชซเมื่อนัดที่แล้ว ในส่วนของ ยอร์เกนเซ่น นั้นทำได้ดีกว่าพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามต้องมาดูกันว่ากุนซือวัย 44 ปีจะเลือกใครลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเปิดสนาม
แน่นอนอยู่แล้วว่าราชันชุดขาวเซตนี้อาจจะไม่ใช่ทีมที่ดุดันสมราคาแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในลีกล่าสุด อีกทั้งฟอร์มการเล่นช่วงปรีซีซันของพวกเขาก็ไม่ได้ดูสวยหรูสักเท่าไร แต่สุดท้ายแล้วอย่างไรก็ตามเราต้องอย่าลืมว่านี่คือทีม เรอัล มาดริด ที่มาแบบไม่เต็มพิกัด ซึ่งในเกมนี้คาร์โลอันเชล็อตติก็ได้เลือกส่งผู้เล่นชุดสำรองอย่าง บราฮิมดิอาซ, ฟราน การ์เซีย, ดานี่เซบายอส และมาริโอมาร์ติน ในลงในสนามนัดนี้ เทียบกับทัพของสิงห์บลูที่แทบจะเต็มแล้วเกือบทุกขุมกำลัง ทำให้ทีม เรอัล มาดริด ยังครองเกมบุกได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ ลูก้าโมดริช, โรดริโก้ และวินิซิอุสจูเนียร์ ก็ยังคงเป็นตัวอันตรายเสมอโดยเฉพาะ 2 ชื่อแรกที่ปั่นป่วนแนวรับฝั่งสิงห์บลูจนแทบจะไปกันไม่เป็น ขนาดในช่วงแรกของเกมเชลซีดูเป็นฝ่ายครองบอลเหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่เมื่อผู้เล่นของมาดริด เครื่องติด บอกได้เลยว่าต่อบอลเชื่อมเกมกันเพลินตามาก โดยที่ข้างสนามยังมีสองดาวรุ่งอย่างเอ็นดริกและอาร์ด้ากือแลร์เป็นอาวุธลับที่วันนี้ยังไม่ได้ลงสนามด้วยเมื่อซีซันจริงเริ่มต้นการฟาดแข้งขึ้น ราชันชุดขาวจะได้ดาวเตะตัวเก่งอย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม, เอดูอาร์โด้คามาวิงก้า, เฟเดริโก้บัลเบร์เด้ และโอเรเลียงชูอาเมนี แถมมีอีกหนึ่งคนคือ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่จะเข้ามาเสริมแกร่งทีมได้อย่างไฉไลแน่นอน
ความพ่ายแพ้ของสิงห์บลูต่อราชันชุดขาวในเกมปรีซีซันนัดสุดท้ายที่สหรัฐอเมริกา ส่งผลให้พลพรรคของเชลซีสามารถเก็บได้เพียง 1 ชัยชนะเท่านั้นตลอดการแข่งขัน 5 เกมล่าสุด แถมเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือจำนวนประตูที่โดนยิงไปถึง 12 ลูก ดังนั้นจึงทำให้เอ็นโซ่มาเรสก้าต้องคิดอย่างหนักว่าจะขันน็อตเกมรับอย่างไรดีเมื่อซีซั่นจริงเร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้ทุกขณะ อีกทั้งบาดแผลของเชลซียังมีให้เห็นเต็มไปหมดในช่วงเวลานี้ ทั้งการเล่นบอลในพื้นที่สุดท้ายยังไม่เฉียบขาด และแผนการเล่นของ มาเรสก้า ที่ดูแล้ว นักเตะสิงห์บลูหลายคนยังมีความสับสนอยู่พอสมควร โดยเฉพาะกัปตันทีมอย่างรีซเจมส์ที่โดนลดประสิทธิภาพลงไปเยอะมากในการลงเล่นภายใต้แท็คติกแบบใหม่ในนัดหน้าสิงห์บลูจะลงเล่นปรีซีซันนัดสุดท้ายใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของอินเตอร์มิลาน ต้องมาดูกันว่าต่อหน้าแฟนบอลในประเทศสิงห์บลู พวกเขาจะมีผลงานที่น่าประทับใจหรือไม่