เจมี่ กิทเท่นส์ ปีกดาวรุ่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กำลังเป็นที่จับตามองของแฟนฟุตบอลทั่วโลก หลังจากที่เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สามารถทำ 2 ประตูได้ในเกมเดียวในฐานะตัวสำรอง โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในแมตช์ที่ดอร์ทมุนด์บุกไปชนะ คลับ บรูช 3-0 ซึ่งถือเป็นเกมที่น่าจดจำทั้งสำหรับเขาและแฟนบอลดอร์ทมุนด์ ติดตาม livesodball ข่าวสารนักเตะฟุตบอลและ ดูบอล
ในเกมนั้น กิทเท่นส์ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในนาทีที่ 68 โดยลงมาแทน มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ซึ่งขณะนั้นเกมยังคงเสมอกันอยู่ที่ 0-0 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างกดดัน เนื่องจากทั้งสองทีมยังไม่มีทีมใดสามารถเจาะตาข่ายของอีกฝ่ายได้ แม้แต่ดอร์ทมุนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเกมรุก อย่างไรก็ตาม การลงสนามของกิทเท่นส์ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของเกมไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยความเร็วและความคล่องตัวที่ทำให้แนวรับของคลับ บรูชต้องปั่นป่วน
กิทเท่นส์แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณของนักเตะระดับสูงเมื่อเขาใช้เวลาเพียง 8 นาทีหลังจากลงสนามในการทำประตูแรก โดยเป็นการยิงที่เฉียบคมในนาทีที่ 76 ซึ่งช่วยปลดล็อกสกอร์ให้ดอร์ทมุนด์ขึ้นนำ 1-0 จากนั้นในนาทีที่ 86 กิทเท่นส์ยังคงฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องและยิงประตูที่สองให้กับตัวเอง เป็นการตอกย้ำศักยภาพที่น่าทึ่งของเขา ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แซร์อู กีราสซี่ ยิงประตูปิดท้าย ส่งผลให้ดอร์ทมุนด์เก็บชัยชนะได้อย่างสวยงาม
ความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้ เจมี่ กิทเท่นส์ กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ที่สามารถทำได้ถึง 2 ประตูในฐานะตัวสำรองในแชมเปี้ยนส์ลีก โดยอันดับ 1 ตกเป็นของ ดาวิด เทรเซเก้ต์ ตำนานกองหน้าชาวฝรั่งเศสที่เคยสร้างสถิติไว้ในปี 1997 ขณะที่ลงเล่นให้กับ อาแอส โมนาโก ในเกมที่พวกเขาชนะ ลีร์เซ่ ทีมจากเบลเยียม 5-1 โดยเทรเซเก้ต์ทำประตูได้ในวัย 20 ปี 7 วัน ซึ่งแม้กิทเท่นส์จะไม่สามารถทำลายสถิตินี้ได้ แต่การขึ้นมารั้งอันดับ 2 ในวัยเพียง 20 ปี 41 วัน ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก
เจมี่ กิทเท่นส์ เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลในอะคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หนึ่งในสโมสรที่มีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 เขาตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมเยาวชนของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางอาชีพของเขา ดอร์ทมุนด์มีชื่อเสียงในการปลุกปั้นดาวรุ่งให้กลายเป็นนักเตะระดับโลก เช่น เจดอน ซานโช่ และ จู๊ด เบลลิงแฮม และกิทเท่นส์ก็ดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่กำลังเจริญรอยตามรุ่นพี่เหล่านั้น
เขาใช้เวลาเพียง 2 ปีในการก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของดอร์ทมุนด์ โดยในปี 2022 เขาได้ลงเล่นในเกมลีกและถ้วยยุโรปอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน กิทเท่นส์ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 63 นัดในทุกรายการ และทำได้ 9 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจสำหรับนักเตะที่อายุยังน้อยขนาดนี้
ด้วยฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงของเขาในฤดูกาลนี้ ทำให้เจมี่ กิทเท่นส์กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลดอร์ทมุนด์และแฟนบอลทั่วโลกจับตามอง ความสามารถในการทำประตูและการสร้างสรรค์เกมรุกของเขาทำให้เขาถูกยกย่องว่าอาจจะกลายเป็นหนึ่งในปีกที่ดีที่สุดในยุโรปได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การพัฒนาต่อเนื่องของเขาจะขึ้นอยู่กับโอกาสในการลงเล่นและการฝึกฝนอย่างเข้มข้นในทีมดอร์ทมุนด์
ในอนาคตข้างหน้า หากกิทเท่นส์สามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีแบบนี้ต่อไปได้ เขาอาจจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะหลักของทีมชาติอังกฤษ และสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในเวทีระดับโลก ทั้งในระดับสโมสรและระดับนานาชาติ