ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง หลังทำแฮตทริกในเกมระดับทีมชาติได้เป็นครั้งที่ 10 ทาบสถิติกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งทำให้ทั้งสองกลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพชายที่ทำแฮตทริกในเกมระดับทีมชาติได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์
ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ นัดที่ทีมชาติอาร์เจนตินาถล่มโบลิเวีย 6-0 เมสซี่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เขาทำแฮตทริกได้ในเกมนี้ พร้อมกับทำอีก 2 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสามารถและศักยภาพของเขาที่ไม่เคยลดลง แม้จะมีอายุ 37 ปีแล้วก็ตาม ความสำเร็จนี้ทำให้เมสซี่ทำแฮตทริกในเกมระดับทีมชาติได้มากถึง 10 ครั้ง เทียบเท่ากับสถิติของโรนัลโด้ที่ทำไว้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้โรนัลโด้เคยทำแฮตทริกในเกมทีมชาติได้ 10 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดของเขาคือเกมที่โปรตุเกสชนะลักเซมเบิร์ก 5-0 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ปี 2021 ซึ่งหมายความว่า เมสซี่ตามทันสถิติของโรนัลโด้ได้ในที่สุด และยังมีโอกาสที่จะทำลายสถิตินี้ได้ในอนาคต หากเขายังลงเล่นในระดับทีมชาติต่อไป
นอกจากการทำแฮตทริก เมสซี่ยังทำได้อีก 2 แอสซิสต์ในเกมกับโบลิเวีย ซึ่งทำให้จำนวนการแอสซิสต์ในเกมระดับทีมชาติของเขาเพิ่มเป็น 57 ครั้ง ใกล้ที่จะทาบสถิตินักฟุตบอลชายที่ทำแอสซิสต์ในเกมทีมชาติได้มากที่สุดตลอดกาล ซึ่งปัจจุบันสถิตินี้เป็นของ แลนดอน โดโนแวน ตำนานนักเตะจากสหรัฐอเมริกาที่ทำไป 58 แอสซิสต์
ด้วยความสามารถในการสร้างสรรค์เกมของเมสซี่ เป็นไปได้ว่าในไม่ช้าเขาจะสามารถทำลายสถิติของโดโนแวนได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความยอดเยี่ยมของเขาในบทบาทของนักสร้างสรรค์เกม ที่ไม่ได้มีเพียงแค่การทำประตูเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการช่วยเพื่อนร่วมทีมทำประตูอย่างต่อเนื่อง
นักเตะอาชีพชายที่ทำแฮตทริกในเกมระดับทีมชาติมากที่สุดตลอดกาล:
เมสซี่และโรนัลโด้ยังคงเป็นสองนักเตะที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกฟุตบอล แม้ว่าจะอยู่ในช่วงท้ายของอาชีพ แต่ทั้งคู่ก็ยังสามารถทำผลงานในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง การที่เมสซี่สามารถทาบสถิติแฮตทริกของโรนัลโด้ได้แสดงให้เห็นถึงความคงเส้นคงวาและความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้
นักเตะอาชีพชาย 2 อันดับแรกที่ทำแอสซิสต์ในเกมระดับทีมชาติมากที่สุดตลอดกาล:
ในเกมที่อาร์เจนตินาเอาชนะโบลิเวีย 6-0 เมสซี่โชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมด้วยสถิติดังนี้:
ผลงานในเกมนี้ยังทำให้เมสซี่ขึ้นนำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ ด้วยจำนวน 6 ประตู ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสามารถในการทำประตูที่ไม่มีใครเทียบได้
ลิโอเนล เมสซี่และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ยังคงสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ๆ ในโลกฟุตบอล ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในช่วงท้ายของอาชีพ แต่ทั้งคู่ยังคงแข่งขันกันอย่างไม่ลดละ การที่เมสซี่ทำแฮตทริกทาบสถิติของโรนัลโด้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าการแข่งขันระหว่างสองคนนี้ยังไม่จบลง
ในอนาคตอันใกล้ เมสซี่มีโอกาสทำลายสถิติแอสซิสต์ของแลนดอน โดโนแวน ซึ่งจะทำให้เขาเป็นเจ้าของสถิติการแอสซิสต์ในเกมทีมชาติได้มากที่สุดตลอดกาล เป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นเมสซี่สร้างประวัติศาสตร์ใหม่อีกหลายครั้งก่อนที่เขาจะตัดสินใจเลิกเล่นระดับทีมชาติ ติดตาม ดูบอลสด ข่าวสารฟุตบอลที่ livesodball