การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 นัดสุดท้ายของรอบแรกกลุ่ม A ระหว่างทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์และทีมชาติเยอรมนี จบลงด้วยการเสมอกันไป 1-1 ดูบอลสด เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2567 ทำให้ทั้งสองทีมแบ่งไปคนละ 1 คะแนน เยอรมนีผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ขณะที่สวิตเซอร์แลนด์เข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม
เปิดเกมมาในครึ่งแรกเพียงนาทีที่ 12 ทีมเยอรมนีเริ่มต้นด้วยการบุกอย่างหนัก มักซิมิเลี่ยน มิทเทิลชเตดท์ เปิดบอลให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ มีโอกาสชาร์จบอล แต่โดน ฟาเบียน แชร์ กองหลังสวิตเซอร์แลนด์วิ่งมาขวางได้ทัน พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย
ในนาทีที่ 17 เยอรมนีเกือบได้ประตูจาก ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ ที่ไหลบอลให้ โรเบิร์ต อันดริช ยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเข้าสู่ตาข่าย แต่ VAR ชี้ว่าไม่เป็นประตูเนื่องจากมีการฟาล์วก่อนในจังหวะก่อนหน้านี้ สกอร์ยังคง 0-0
GOAL!! ในนาทีที่ 28 ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ได้ประตูขึ้นนำจากการเปิดบอลของ เรโม ฟรอยเลอร์ ที่ส่งบอลให้ แดน เอ็นดอย วิ่งโฉบมาจากเสาแรกเข้ามาชาร์จเต็มๆ บอลพุ่งแสกหน้า มานูเอล นอยเออร์ เข้าตาข่ายไปอย่างสวยงาม สวิตเซอร์แลนด์นำ 1-0
เพียงสองนาทีถัดมา สวิตเซอร์แลนด์เกือบได้ประตูที่สองจาก แดน เอ็นดอย ที่เลี้ยงบอลเข้าเขตโทษและยิงทันที บอลผ่านมือ มานูเอล นอยเออร์ ไปแล้ว แต่หลุดเสาออกไปเพียงนิดเดียว
นาทีที่ 40 เยอรมนีพลาดโอกาสตีเสมอจากการที่ โทนี่ โครส เปิดบอลให้ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ โขกบอลลงพื้น แต่บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก สวิตเซอร์แลนด์นำเยอรมนี 1-0
ในครึ่งหลัง นาทีที่ 50 เยอรมนีเริ่มบุกอย่างต่อเนื่อง ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ แทงบอลทะลุช่องให้ จามาล มูเซียล่า ที่กระชากบอลเข้าเขตโทษและซัดด้วยขวาเต็มแรง แต่ ยานน์ ซอมเมอร์ นายทวารสวิตเซอร์แลนด์ปัดทิ้งได้หวุดหวิด
VAR NO GOAL!! ในนาทีที่ 84 สวิตเซอร์แลนด์เกือบได้ประตูที่สองจาก เซกี้ อัมดูนี่ ที่แทงบอลให้ รูเบน วาร์กัส ยิงเข้าประตูไป แต่ VAR ชี้ว่าล้ำหน้า ทำให้สกอร์ยังคงอยู่ที่ 1-0
นาทีที่ 88 สวิตเซอร์แลนด์เกือบได้ลูกที่สองอีกครั้งจากการยิงนอกกรอบเขตโทษของ กรานิต ชาก้า แต่ มานูเอล นอยเออร์ พุ่งปัดทิ้งออกหลังได้
GOAL!! นาทีที่ 90+2 เยอรมนีตีเสมอได้สำเร็จจากการที่ ดาวิด เราม์ เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ นิคลาส ฟืลล์ครุก โขกบอลย้อนไปทางเสาสอง ผ่านมือ ยานน์ ซอมเมอร์ เข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด สกอร์เสมอกัน 1-1
จบเกม 90 นาที สวิตเซอร์แลนด์เสมอเยอรมนี 1-1 ทำให้ทั้งสองทีมแบ่งกันไปคนละ 1 คะแนน เยอรมนีเข้ารอบกลุ่ม A ในฐานะแชมป์กลุ่มมี 7 คะแนน ขณะที่สวิตเซอร์แลนด์เข้ารอบเป็นรองแชมป์มี 5 คะแนน
สวิตเซอร์แลนด์: ยานน์ ซอมเมอร์ (GK), ฟาเบียน แชร์, มานูเอล อคานจี, ริคาร์โด โรดริเกซ, ซิลวาน วิดเมอร์, เรโม ฟรอยเลอร์, กรานิต ชาก้า, มิเชล แอบิสเชอร์, ฟาเบียน รีเดอร์, แดน เอ็นดอย, บรีล เอ็มโบโล่
เยอรมนี: มานูเอล นอยเออร์ (GK), โยชัว คิมมิช, โยนาธาน ทาห์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, มักซิมิเลี่ยน มิทเทิลชเตดท์, โทนี่ โครส, โรเบิร์ต อันดริช, อิลคาย กุนโดอัน, จามาล มูเซียล่า, ฟลอเรียน เวียร์ทซ์, ไค ฮาแวร์ตซ์
การแข่งขันนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความมุ่งมั่นของทั้งสองทีม สวิตเซอร์แลนด์ที่ถือเป็นทีมรองบ่อนสามารถขึ้นนำได้ก่อนด้วยการเล่นที่มีระบบและมีวินัย ส่วนเยอรมนีแม้จะครองเกมได้มากกว่าแต่ยังขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์
สวิตเซอร์แลนด์แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ แม้จะโดนตีเสมอในช่วงทดเวลาเจ็บ แต่พวกเขายังสามารถรักษาสกอร์และแบ่งคะแนนได้ ส่วนเยอรมนีที่มีทักษะและความสามารถเหนือกว่า ต้องพัฒนาในเรื่องของการทำประตูและความแน่นอนในเกมรับ
ผลเสมอนัดนี้ทำให้สถานการณ์ในกลุ่มยังคงเปิดกว้างสำหรับทั้งสองทีม สวิตเซอร์แลนด์และเยอรมนีต้องพยายามเก็บชัยชนะในนัดต่อ ๆ ไปเพื่อผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ สวิตเซอร์แลนด์มีโอกาสดีในการต่อยอดความสำเร็จหากพวกเขาสามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งและมีความเป็นทีมไว้ได้ ส่วนเยอรมนีต้องหาวิธีปรับปรุงในการจบสกอร์และการเล่นที่แน่นอนยิ่งขึ้น
โค้ช ฮันซี่ ฟลิค ของเยอรมนี กล่าวว่า "เรามีโอกาสมากมายแต่ไม่สามารถทำประตูเพิ่มเติมได้ ต้องให้เครดิตกับสวิตเซอร์แลนด์ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เราจะกลับไปฝึกซ้อมและพัฒนาจุดที่ต้องปรับปรุง"
ทางด้านโค้ช มูรัต ยาคิน ของสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า "ผมภูมิใจในทีมของเรา พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความอดทนและความตั้งใจ เราจะพยายามให้ดีที่สุดในนัดต่อไป"
การแข่งขันระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และเยอรมนีในครั้งนี้ถือเป็นเกมที่น่าจดจำ ด้วยการเล่นที่ดุเดือดและความพยายามของทั้งสองทีมที่ไม่ยอมแพ้กันง่าย ๆ ผลเสมอ 1-1 แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ที่ดุเดือดและความพยายามของทั้งสองทีม แฟนบอลทั่วโลกยังคงตั้งตารอคอยการเล่นของทั้งสองทีมในนัดต่อไปในยูโร 2024 อย่างใจจดใจจ่อ และคาดหวังว่าจะได้เห็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นนี้อีกในอนาคต