ในเกมการแข่งขันล่าสุดที่ผ่านมา เราจะได้เห็นหัวใจนักสู้ของ สเปอร์ส แบบที่แสดงให้เห็นมาบ่อยครั้งว่า แองจ์ ปอสเตโคกลู สอนนักเตะให้เป็นนักเตะที่พร้อมสู้ ทุกสถานการณ์ การตามหลังสามประตู แล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ถอดใจ และเดินหน้าต่อสู้จนถึงหยดสุดท้าย แม้จะแพ้ 3-2 แต่ก็น่าประทับใจ และเชื่อได้เลยว่า พวกเขาพร้อมยืนยันมอบหัวใจถวายให้เป็นการตอบแทน เมื่อทีมที่เชียร์เล่นได้อย่างน่าเชียร์และหวังว่าจะส่งไปถึงเหล่าแฟนบอลที่เดินกลับก่อนในช่วงพักครึ่งเวลา บอกเลยว่าพลาดแล้วนะที่ไม่อยู่ดูใจทีมรักของตนจนจบเกม
สำหรับรูปเกมในการแข่งขันทางด้านของ สเปอร์ส บอกกับพวกเราว่า พวกเขาทำได้ดีกว่าปืนใหญ่ พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ และมีโอกาสที่จะแจ้งหลายต่อหลายครั้ง ทั้งการโหม่งชนเสาของ คริสเตียน โรเมโร่ ในครึ่งแรก หรือกระทั่งการเซฟลูกยิงจ่อ ๆ ของซาก้าในช่วงต้นครึ่งหลัง โดย กิเยร์โม วิคาริโอ ก็เป็นการเซฟทั้งเกมในเวลานั้นให้ยังอยู่ต่อไป และอดทนรอคอยจุดเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ
มาเริ่มกันที่ประตูแรกของสเปอร์สในเกมนี้จึงสำคัญ และทำให้ “โมเมนตัม” นับจากนั้น สเปอร์ส เหนือกว่า อาร์เซนอล แบบชัดเจน มา ขณะที่ปืนใหญ่ ปั่นป่วนหนักประสาทเสีย และกลับมาเป็นผู้ควบคุมเกมไม่ได้อีกเลยจนจบเกม และจากการได้ประตูที่สองจากจุดโทษก็ยิ่งทำให้ภาพรวมของเกมนี้ มันสอดคล้องกับสถิติที่ออกมา
แต่ความผิดพลาดไม่เกิดขึ้นมากพอจะเกิดประตูที่สาม เช่นเดียวกับความเฉียบคมที่ก็ไม่มาอีกแล้วในเกมนี้ ภาพของซอนฮึนมินที่หันมากระตุ้นเพื่อนร่วมทีมหลังการยิงประตูที่สอง ไม่ต่างจากภาพของ มาร์ติน เออเดการ์ด ที่ฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าในสายตาแฟนปืนใหญ่ นี่กัปตันที่ทั้งสองสโมสรภาคภูมิใจ ในครึ่งหลังบอกเลยว่า สเปอร์สจะต้องแบกรับความรู้สึกของศักดิ์ศรีและเป้าหมายในการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เกมนี้คือ การเดิมพันคร้งใหญ่ของพวกเขาเช่นกัน
ถือว่าเป็นเรื่องของน้อยนิดของ อาร์เซนอล ที่สร้างเรื่องมหาศาล ที่นำมาซึ่งการเสียประตู ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อจบเกมจะเห็นสีหน้าแห่งความโล่งใจของเจ้าตัวออกมาอย่างชัดเจน เพราะหากเกมนี้ปืนใหญ่ไม่สามคะแนน ราย่า เลิกเข้าโลกออนไลน์ไปได้เลย เพราะเขาคือจุดเริ่มต้นของ 25 นาทีสุดท้ายแห่งความทุกข์ทรมานของปืนใหญ่ในเกมนี้ กับการเจอไล่บด และโดนขึงเกมในช่วงท้าย จากแรงฮึดของทีมเจ้าบ้านเมื่อได้ประตูแรก กับการเตะเปิดบอลพลาดไปเข้าทางคู่แข่ง และกลายเป็นเสียประตู
การเข้ามามีส่วนร่วมในทีมของดาบิด ราย่า ยกระดับการเล่นในระบบการเล่นของ มิเคล อาร์เตต้า อย่างที่นายใหญ่ชาวสแปนิชต้องการ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการยกระดับจากการเล่นในทีมระดับน้องใหม่พรีเมียร์ ลีกมาสู่ทีมลุ้นแชมป์ เขาเจอกับประสบการณ์ใหม่มากมายในฤดูกาลนี้ นี่คือเรื่องที่ราย่าต้องเรียนรู้ และกำลังเรียนอยู่ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมรับว่า ดาบิด ราย่า คือมือหนึ่งของปืนใหญ่ และจะเป็นเช่นนั้นต่อไป แม้จะก่อความผิดพลาดในเกมนี้ เราทุกคนต่างรู้ดี แม้กระทั่งทีมถ่ายทอดสดของอังกฤษก็ “เลิกแล้ว” กับการจับภาพไปหา อารอน แรมสเดล ที่นั่งอยู่ข้างสนามเมื่อราย่าทำพลาด เพราะตอนนี้สถานะชัดเจนไปนานแล้ว
อาร์เซนอล การันตีการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก 100 % เรียบร้อยแล้วในเกมนี้ ชัยชนะในเกมยากที่สุดเกมหนึ่งในปีนี้ ทำให้พวกเขาได้ไปต่อใน 3 เกมที่เหลือที่ยังคงต้องชนะทุกเกม และไปลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดสักเกม เพื่อโอกาสที่มากขึ้นในอีก 20 วันสุดท้ายของพรีเมียร์ ลีก ขณะที่เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้วจบปีด้วยการเก็บได้ 84 คะแนน จาก 38 เกม มาถึงตรงนี้ 35 เกม 80 คะแนน นี่คือ “มาตรฐาน” ที่พวกเขาสร้างขึ้น และมันจะต้องไม่ถูกนับเป็นความสำเร็จใดๆ ทั้งสิ้น