วิลลี่ ซาญอล เทรนเนอร์ทีมชาติจอร์เจีย ไม่เห็นด้วยกับการทำหน้าที่ของทีมงานกรรมการที่ตัดสินให้ สเปน ได้ประตูตีเสมอ ในเกม ยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ทีมของเขาแพ้ สเปน 1-4 จอร์เจีย เป็นฝ่ายนำก่อนในเกมนี้จากการทำเข้าประตูตัวเองของ โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์ ในนาทีที่ 18 แต่ สเปน ตามตีเสมอได้จาก โรดรี้ ในนาทีที่ 39 และในครึ่งหลัง "ลา โรฆา" ก็มาทำเพิ่ม 3 ประตู อย่างไรก็ตาม ประตูตีเสมอของ สเปน ถือเป็นประเด็นพอตัวเพราะตอนที่ โรดรี้ ทำประตูได้นั้น มันดูเหมือนว่า อัลบาโร่ โมราต้า จะอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า และตอนนั้น โมราต้า ก็ยืนอยู่ด้านหน้า จอร์จ้ มามาร์ดาชวิลี่ ผู้รักษาประตูของ จอร์เจีย ด้วย ทำให้มีคนมองว่า โมราต้า เข้าข่ายว่ามีส่วนกับเกมการเล่น
ซาญอล เผยว่า "แน่นอนว่าถ้าจะพูดเฉพาะจังหวะล้ำหน้าแค่จังหวะนี้น่ะมันก็พูดได้ยาก (ว่า วีเออาร์ ทำงานได้ดีหรือไม่) แต่ถ้าคุณอยากจะถามความเห็นของผมแล้วล่ะก็ ผมก็ต้องบอกว่ามันเป็นจังหวะล้ำหน้าแบบชัดเจน ทีมชาติจอร์เจีย คือถ้าเกิดจังหวะของ (นักเตะ เนเธอร์แลนด์ส แดนเซล) ดุมฟรีส์ ในเกมกับ ฝรั่งเศส ถูกมองว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าแล้วล่ะก็ ชอตในวันนี้มันก็ถือว่าล้ำหน้าชัดกว่าสัก 10 เท่าได้ ผมคิดว่า วีเออาร์ เป็นเทคโนโลยีที่วิเศษมากๆ แต่ทุกวันนี้เราอาจจะไม่รู้จักวิธีใช้มันอย่างเหมาะสม อดีตดาวเตะชาวฝรั่งเศสบอกด้วยว่าถ้าทีมเป็นฝ่ายนำตอนหมดครึ่งแรกแล้วนั้น จอร์เจีย ก็อาจจะมีเรี่ยวแรงในการเล่นครึ่งหลังมากกว่านี้ "เรามีความรู้สึกตั้งแต่ก่อนลงเล่นเกมนี้แล้วว่า เพราะเราได้ดวลกับทีมชั้นยอด เราคิดกันจริงๆ ว่าเรามีโอกาสที่จะเอาชนะพวกเขาได้ ถ้าเราไม่คิดแบบนั้นแล้วน่ะเราก็คงจะไม่ลงไปเล่นตั้งแต่แรกหรอก เราขึ้นนำพวกเขาได้จากการบุกจังหวะแรกของเรา และถ้าตอนพักครึ่งเรายังนำอยู่ 1-0 ก็อาจจะมีพลังงานในการลงเล่นช่วงครึ่งหลังมากกว่านี้นิดหน่อยก็ได้ แต่มันเป็นงานหนักเกินไปสำหรับ สเปน สมควรเป็นผู้ชนะแล้ว มันไม่จำเป็นต้องถกเถียงอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น
สเปน ถล่ม ทีมชาติจอร์เจีย ขาดลอย 4-1 ที่สนามโคโลญจ์น สเตเดียม เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกยูโร 2024 คืนวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน ทีมของ วิลลี ซาญอล ตั้งรับแน่นหนา และสร้างเซอร์ไพรส์นาที 18 โรบิน เลอ นอร์มานด์ สกัดลูกเปิดของ โอตาร์ กากาบัดเซ แบ็กขวา เข้าประตูตัวเอง ขึ้นนำ 1-0 ทว่าต้านทานไว้ได้ถึงนาที 39 โรดรี สับไกด้วยซ้ายตรงหัวกะโหลก เสมอกัน 1-1
เริ่มครึ่งหลัง แชมป์ 3 สมัย แซงนำ 2-1 นาที 51 ลามีน ยามาล ตั้งป้อมโยนจากกราบขวามาเสาสอง ฟาเบียน รุยซ์ โขกจ่อๆ ถัดมานาที 75 รุยซ์ วางบอลยาวให้ นิโก วิลเลียมส์ ตัวรุกด้านซ้าย แตะหลบ จอร์จี เกวเลเซียนี แล้วแปด้วยขวาแสกหน้า จอร์จี มามาร์ดาชวิลี หนีไปเป็น 3-1 ทีมของ หลุยส์ เดอ ลา ฟูเอนเต ตอกฝาโลงสนิทนาที 83 ดานี โอลโม ตัวสำรอง ปั่นด้วยซ้ายเสียบโคนเสา ย้ำชัย 4-1 จบเกม สเปน รอดวลกับ เยอรมนี ที่เมืองสตุตการ์ต วันที่ 5 ก.ค. ต่อไป
สเปน (4-3-3) : อูไน ไซมอน, เอย์เมอริค ลาปอร์ต, โรบิน เลอ นอร์มานด์, มาร์ค คูคูเรยา, ดานี คาร์บาฆัล, โรดรี, ฟาเบียน รุยซ์, เปดรี, อัลบาโร โมราตา, นิโก วิลเลียมส์, ลามีน ยามาล
จอร์เจีย (5-3-2) : จอร์จี มามาร์ดาชวิลี, กูราม คาเชีย, ลาชา ดีวาลี, จอร์จี เกวเลเซียนี, ลูกา โลคอชวิลี, โอตาร์ กากาบัดเซ, โอตาร์ คิเตชวิลี, จอร์จี คอชอราชวิลี, จอร์จี ชากเวทัดเซ, ควิชา ควารัตสเคเลีย, จอร์เจส มิเคาทัดเซ