เกมการแข่งขันระหว่าง เชลซี และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 เป็นเกมที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด และมีประเด็นสำคัญหลายอย่างที่ควรพูดถึง โดยแต่ละทีมมีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยที่ทำให้เกมนี้ไม่สามารถหาผู้ชนะได้
แม้จะครองบอลมากกว่าและสร้างโอกาสได้มากกว่า แต่ เชลซี ยังขาดความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้าย พวกเขาพยายามบุกจากทั้งริมเส้นและตรงกลาง แต่การเข้าทำในกรอบเขตโทษยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการขาดการจบสกอร์ที่เด็ดขาดจากแนวรุก หลายครั้งที่สร้างโอกาสได้ดีแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตู ฟอร์มการเล่นของผู้เล่นหลักอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ นิโคลัส แจ็คสัน ที่แม้จะพยายามเปิดเกมรุกและสร้างโอกาส แต่ยังขาดความคมและความนิ่งในจังหวะสำคัญ ส่งผลให้ทีมไม่สามารถทำประตูเพิ่มเติมเพื่อปิดเกมได้
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ วางแผนเกมรับอย่างมีวินัย โดยเน้นการป้องกันที่แข็งแกร่ง และรอโอกาสสวนกลับที่เป็นจุดเด่นในเกมนี้ พวกเขาสามารถจัดการกับแนวรุกของเชลซีได้อย่างดี โดยเฉพาะ เซ็นเตอร์แบ็ค ที่ทำงานได้อย่างแข็งแกร่งในการตัดบอลและป้องกันจังหวะสำคัญ การโต้กลับของ ฟอเรสต์ อันตรายมาก พวกเขามีโอกาสโจมตีอย่างรวดเร็วจากการส่งบอลที่แม่นยำและการวิ่งที่ดีจากผู้เล่นแนวรุก โดยประตูตีเสมอที่ได้มาจากการสวนกลับแสดงให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างในแนวรับของ เชลซี ที่เปิดช่องไว้
ทั้ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีมเชลซี และ สตีฟ คูเปอร์ ผู้จัดการทีมน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ต่างพยายามปรับแท็กติกตลอดเกม เชลซี พยายามเพิ่มการเคลื่อนที่ของบอลและเปลี่ยนแนวทางการบุก แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของ ฟอเรสต์ ได้มากพอ ขณะที่ คูเปอร์ เน้นการเล่นรัดกุม และการโจมตีที่รวดเร็วเมื่อมีโอกาส ทำให้ ฟอเรสต์ ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ
สำหรับ เชลซี ผลเสมอในเกมนี้สะท้อนถึงความไม่สม่ำเสมอในฟอร์มการเล่น แม้ว่าจะมีการครองบอลและสร้างโอกาสได้มาก แต่ยังขาดความคมในจังหวะสุดท้าย และมีปัญหาในแนวรับที่เปิดช่องให้คู่แข่งโจมตีได้ง่าย ขณะที่ ฟอเรสต์ ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่งและการใช้โอกาสสวนกลับอย่างมีประสิทธิภาพ
เกมนี้จบลงด้วยผล 1-1 ซึ่งทำให้ทั้งสองทีมเก็บได้ทีมละหนึ่งแต้ม เชลซีต้องกลับไปแก้ไขปัญหาเรื่องความเฉียบคมในแนวรุกและการป้องกันในจังหวะโต้กลับ ขณะที่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ สามารถพอใจกับฟอร์มการเล่นที่แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการจัดการเกม
เรียกได้ว่าเป็นเกมที่วัดใจสำหรับเชลซี ที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มดี เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมที่เล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง และเคยบุกไปคว้าชัยชนะเหนือลิเวอร์พูลถึงแอนฟิลด์มาแล้ว ซึ่งในเกมนี้ "เจ้าป่า" ก็สร้างความลำบากให้กับเชลซีไม่น้อย
ในครึ่งแรก เชลซีเป็นฝ่ายที่พยายามครองบอลบุกใส่ ฟอเรสต์ อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเกมรับที่แน่นหนาของผู้มาเยือน ลูกทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ไม่สามารถเจาะตาข่ายได้ ทำให้จบครึ่งแรกแบบไร้สกอร์
เข้าสู่ครึ่งหลังได้ไม่นาน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ มาได้ประตูขึ้นนำจากลูกตั้งเตะของ คริส วู้ด ก่อนที่ โนนี่ มาดูเอเก้ จะยิงตีเสมอให้เชลซีในนาทีที่ 57 และดูเหมือนเชลซีจะได้เปรียบยิ่งขึ้นเมื่อ เจมส์ วอร์ด-พราวส์ ของฟอเรสต์โดนใบเหลืองที่สองถูกไล่ออกจากสนาม แต่แม้จะผลัดกันบุกแบบสุดมัน ทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ จบเกมเสมอกันไป 1-1