Group 10Group 7Group 8Group 11
Group 10Group 7Group 8Group 11
#Relative Post โปรโมชั่นที่เกี่ยวข้อง

สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับแข้งซุปตาร์ "ลีโอเนล เมสซี่"

ลีโอเนล เมสซี่

เชื่อว่าหลายๆ คนยอมรับในฝีเท้าของชายที่ชื่อว่า "ลีโอเนล เมสซี่" อย่างแน่นอนว่าเขาคือ นักเตะที่ดีที่สุดในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลงานของเขาในช่วงตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่เขาลงเล่นในสายอาชีพฟุตบอล เขาได้โชว์ฟอร์มในสนามให้แฟนบอลทั้งโลกได้ประจักษ์สายตามานับครั้งไม่ถ้วน และช่วงนี้ก็ใกล้จะครบวันคล้ายวันเกิดอายุ 37 ปีของเขา เราจึงอยากจะมาแชร์ สิ่งที่หลายๆ คนยังไม่ทราบเกี่ยวกับ ลีโอเนล เมสซี่ มาให้ทุกคนได้รู้จักกันมากขึ้น

 

เมสซี่ กับสถิติการทำประตูที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์

ในการลงแข่งให้ บาร์เซโลน่า ดาวเตะแข้งทองรายนี้ สามารถทำประตูไปได้ทั้งหมด 672 ประตู ซึ่งนั่นทำให้เขากลายเป็น ผู้เล่นที่ยิงประตูให้ทีมสโมสรเดียวได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ แซง เปเล่ เจ้าของสถิติคนเก่าที่ฝากผลงานไว้กับซานโดส ที่ 643 ประตู โดยแข้งทั้งสองมีความคล้ายกันอยู่ในบางส่วน ก็คือ ทั้งคู่ต่างย้ายไปเล่นในลีก อเมริกา ในช่วงวัย 30 กลาง ๆ นั่นเอง ซึ่งสถิติรวมในการ ทำประตูไปทั้งหมดตลอดอาชีพการค้าแข้งของ เมสซี่ ก็คือ 837 ประตู (672 กับ บาร์เซโลน่า, 32 กับ เปแอชเช, 25 กับ อินเตอร์ ไมอามี่, และ 108 กับทีมชาติ อาร์เจนติน่า) ในส่วนของ การทำประตูให้สโมสรและทีมชาติรวมกันถึง 91 ประตูในปี 2012 นับตั้งแต่เป็นแข้งฟุตบอลอาชีพ ที่สามารถยิงประตูได้มากที่สุดในรอบหนึ่งปี ทำให้ แซงหน้า แกร์ด มุลเลอร์ ที่เคยยิงไว้รวมกัน 85 ประตูในปี 1972 นั่นเอง และเขายังทำประตูรวมกันใน 5 ลีกใหญ่ของ ยุโรป มากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยประตูสุดท้ายของ เมสซี่ กับ เปแอชเช ในเกมเจอกับ สตารส์บูร์ก ปี 2023 กลายเป็นประตูที่ 496 ของเขาในฟุตบอลลีก ยุโรป แซงหน้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ทำไว้ทั้งสิ้น 495 ประตู

 

ลีโอเนล เมสซี่

 

นักเตะที่ได้ บัลลงดอร์ มากที่สุดในประวัติศาสตร์

เขากลายเป็นผู้เล่นที่ได้ บัลลงดอร์ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมทั้งสิ้น 8 ครั้งในปี 2009, 2010, 2011, 2012, 2015, 2019, 2021, 2023 ซึ่งดาวเตะแข้งทองรายนี้ ถือว่าเป็น ผู้เล่นเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลกไปถึง 2 ครั้งด้วยกัน โดยเขาได้รับครั้งแรก ที่ บราซิล ในปี 2014 และครั้ง 2 ที่ กาตาร์ ในปี 2023 ซึ่งเป็นปีที่ เมสซี่ พาทีมอาร์เจนติน่า ไปถึงตำแหน่งแชมป์โลกได้นั่นเอง และฟุตบอลโลกในปี 2022 เขาก็สามารถทำประตูในทุกรอบการแข่งขันตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงชิงชนะเลิศ ทำให้เขา ลีโอเนล เมสซี่ เป็นผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ ฟุตบอลโลก ปรับมาแข่งขันรอบ 16 ทีมในปี 1986 ที่ยิงได้ครบทุกรอบในการแข่งขันทัวร์นาเม้นต์เดียว

 

การเดบิวต์ของดาวเตะแข้งทอง

เมสซี่ในวัย 13 ปี เริ่มต้นเดบิวต์โดยข้ามทวีปจาก อาร์เจนติน่า มา บาร์เซโลน่า ลงทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2004/05 ก่อนที่เขาจะย้ายออกไปในปี 2021 โดยสามารถคว้าไปได้ทั้งหมด 35 โทรฟี่ ตลอดการค้าแข้งกับทีม อาซูลกราน่า ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าตอนวัย 10 ขวบ เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโต ทำให้ เมสซี่ อาจหมดโอกาสเป็นนักฟุตบอลอาชีพตามที่ฝัน แต่สุดท้ายแล้วเมื่ออายุ 14 ปี เมสซี่ก็ได้รับการดูแลจากบาร์เซโลน่า ในการรักษาฮอร์โมนชดเชยจนเขาสูงถึง 170 เซนติเมตรในเวลาต่อมา ซึ่งถือว่ายังน้อยอยู่เพียง 5 เซนติเมตรเท่านั้นเมื่อเทียบกับส่วนสูงเฉลี่ยของชายอเมริกัน และเขายังเคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาครองในโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง ในการลงทีมชาติอาร์เจนติน่า ศึกฟุตบอลชายในประเทศจีน ก่อนที่เขาจะมีส่วนร่วมทำสองประตูในทัวร์นาเม้นต์ รวมถึงลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศที่ทัพ ฟ้าขาว เอาชนะ ไนจีเรีย ไปได้ 1-0 จากประตูโทนของ อังเคล ดิ มาเรีย

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
image-image-line-detail-pc-mb
ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
image-image-line-detail-pc-mb
Logo-Livesodball-3-NonBG
Copyright 2024 © ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ บอลสดออนไลน์ ผลบอล ตารางบอล ข่าวฟุตบอล ดูบอลผ่านมือถือ Livesodball
cross