ในการแข่งขันศึก ฟุตบอลยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี เป็นเจ้าภาพในคราวนี้กำลังจะเริ่มแข่งกันในวันที่ 14 เดือนมิถุนายน - วันที่ 14 เดือนกรกฎาคม 2024 โดยเหล่ากลุ่มเต็งในรายการนี้ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ, ประเทศฝรั่งเศส, ประเทศโปรตุเกส ,ประเทศสเปน, อิตาลี อื่นๆอีกมากมาย หรือผู้จัดงานอย่าง เยอรมัน ล้วนแล้วแต่เป็นชาติที่มีนักเตะระดับซุเปอร์สตาร์เยอะแยะเดินชนกันอยู่ในกลุ่ม
อย่างไรก็แล้วแต่ในสมัยก่อนศึก ฟุตบอลยูโร 2004 ที่จัดขึ้นในประเทศโปรตุเกส นั้นมีอยู่หนึ่งกลุ่มที่เป็นม้ามืดรวมทั้งสามารถครอบครองแชมป์ในปีนั้นไปครอบครองเป็นต้นว่า “กลุ่มชาติกรีซ” ซึ่งพวกเขาไม่มีซุเปอร์สตาร์หรือดาวดังในกลุ่มแม้กระทั้งผู้เดียว มีก็แค่สปิริตนักสู้รวมทั้งระเบียบวินัยสำหรับเพื่อการเล่น นำมาซึ่งการทำให้ปีนั้นพวกเขาได้แชมป์มาครอบครองได้แบบเซอร์ไพรส์คนทั่วทั้งโลก วันนี้ทางเรา ขอพาทุกท่านไปย้อนกลับมาเหตุต่างๆในปีนั้นว่า
“เกมรุกจะมีผลให้คุณชนะ แม้กระนั้นเกมรับจะมีผลให้คุณเป็นแชมป์” กลุ่มคำนี้ใช้บอกแทนนิยามของทีมชาติกรีซ กับการครอบครองแชมป์ ฟุตบอลยูโร เมื่อปี 2004 ย้อนกลับไปในปีนั้น กรีซ เป็นเพียงแต่ประเทศเล็กๆในแวดวง พวกเขาเคยร่วมทัวร์นาเมนต์ระดับโลกเพียงแต่ 2 ครั้งตัวอย่างเช่น ยูโร 1980 และก็บอลโลก 1994 ซึ่งพวกเขาไม่เข้ารอบแรกทั้งคู่รายการ แต่ว่าด้วยการมาของ “อ็อตโต้ เรห์ฮาเกิล” ผู้จัดการทีมชาวเยอรมนีที่เข้ามาเปลี่ยนจากกลุ่มชาติเล็กๆให้เปลี่ยนเป็นกลุ่มเล็กพริกขี้หนู โดยการมาของเฮ้ดผู้ฝึกสอนรายนี้ได้ปลูกฝังแนวความคิดทัศนคติของการเป็นหน้าแข้งในระดับท็อปให้กับนักฟุตบอล
"อย่างแรกที่พวกเขาสอนพวกเราเป็น กลุ่มชาติจะต้องมาก่อน เราเป็นราวกับครอบครัว กรีซ ไม่เสมือนกลุ่มชาติอื่นที่มีนักเตะ 55 คน แก่งแย่งพื้นที่ในกลุ่มชาติ พวกเรามีกันอยู่ราว 20 คน ที่จะอยู่ในกลุ่มตลอด เพราะเหตุว่าฉนั้น เราสนิทกันมากมาย พวกเราพร้อมเอื้อเฟื้อทุกสิ่งเพื่อกันและกัน" ทาคิส ไฟส์ซาส เอ่ยถึงแนวความคิดสำคัญของ อ็อตโต้ เนื่องจากว่ารู้ดีว่าความสามารถของสมาชิกนั้นไม่ใช่สตาร์ดาวดัง ผู้จัดการทีมฟุตบอลรายนี้เลยเลือกที่จะใช้ระบบ 4-3-3 แล้วก็ปรับปรุงเรื่อง “ความฟิตและก็ความสามารถขยับเขยื้อน” ของนักฟุตบอลออกมาใช้ให้ได้มากที่สุด
เป็นการลงเล่นนัดหมายเปิดสนามท่ามกลางแฟนบอลเจ้าถิ่นเกือบจะห้าหมื่นคนกับ กลุ่มชาติประเทศโปรตุเกส แม้กระนั้นพวกเขาก็สามารถเอาชนะมาด้วยสกอร์ 2-1 ต่อมาพวกเขาเสมอกับ ประเทศสเปน 1-1 รวมทั้งแพ้ รัสเซีย 1-2 รอบ 8 กลุ่มท้ายที่สุดพวกเขาดันมาจำเป็นต้องพบกับ กลุ่มชาติประเทศฝรั่งเศส ที่มีอีกทั้ง ซีเนดีน ซีดาน, เธียร์รี อองรี, โรกางร์ ปิแรส, ลิลิยอง ตูราม และก็ บิเซนเต ลิซาราซู แม้กระนั้นผู้จัดการทีมฟุตบอลจอมเก๋าก็ไม่หวาดหวั่นสั่งผู้ร่วมทีมอย่าง จิออร์คัส เซตาริดิส ตามเกาะติด เธียร์รี อองรี ตลอดทั้งเกม ซึ่งก็ได้ผลเกมนั้น กลุ่มชาติกรีซ เอาชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 ผ่านไปสู่รอบรองชนะเลิศได้เสร็จ หลังไปสู่รอบรองชนะเลิศ โดยพวกเขาจะต้องดวลกับ สาธารณรัฐเช็ก แต่ว่าก็ทำผลงานได้ดิบได้ดีสามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 ผ่านไปสู่รอบชิงแชมป์ไปพบกับ ประเทศโปรตุเกส
แม้กระนั้นราวกับพระผู้เป็นเจ้าเขียนประวัติศาตร์ให้พวกเขาแล้ว ท่ามกลางแฟนบอลที่สนามเอสตาดิโอ ดา ลุซ กว่า 60,000 คน กลุ่มชาติกรีซ สามารถบุกเอาชนะ กลุ่มชาติประเทศโปรตุเกสเจ้าถิ่นไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 ได้แชมป์ ฟุตบอลยูโร 2004 มาครอบครองได้เสร็จหลังจบเกม อันเพื่อนส ชาริสเตอัส ผู้ซัดประตูชัยในเกมนัดหมายชิงแชมป์บอกว่าในขณะที่นักฟุตบอลเดินทางถึงหน้าบ้านผู้คนต่างออกมาต้อนรับมากยิ่งกว่า 100,000 คน ทำให้การเดินทางไม่สะดวก จากตารางเดิมที่จำเป็นต้องใช้เวลา 40 นาทีก็ขว้างไปกว่า 6 ชั่วโมง
“ผมจะไม่มีทางลืมการเฉลิมฉลองพวกนั้น กระบวนการทำประตูนั้นในรอบชิงแชมป์ทำให้ชีวิตผมแปรไป ไม่ใช่แค่ประตูเดียวที่คุณทำเพื่อชาติ แม้กระนั้นมันเป็นประตูที่คว้าถ้วยรางวัลระดับทวีปให้กับประเทศแล้วก็ประชากรของผม โน่นเป็นสิ่งที่พิเศษกว่าเหนือสิ่งอื่นใด มันจะยังคงอยู่ในประวัติศาสตร์รวมทั้งในใจของมนุษย์ตลอดกาล ทุกเมื่อเชื่อวันในชีวิตของผม มีคนพูดคุยกับผมเกี่ยวกับขณะพวกนั้น รวมทั้งพวกเขากล่าวถึงความภาคภูมิ ซึ่งโน่นนับว่าเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งสำหรับผม” ชาริสเตอัส กล่าว
