การเข้ามาของ เอริก เทนฮาก ในฐานะผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2022 เป็นการเปิดฉากใหม่ที่เต็มไปด้วยความคาดหวังจากแฟนบอลและบอร์ดบริหาร เขาเข้ามาในช่วงเวลาที่ทีมประสบปัญหาด้านฟอร์มการเล่นและการสร้างเอกลักษณ์ใหม่ หลังจากผ่านไปกว่า 2 ปี หลายคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของเขาที่สโมสร เนื่องจากผลงานที่ยังคงไม่เป็นไปตามที่หวังและแรงกดดันจากทั้งในและนอกสนามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่วันแรกที่เทนฮากเข้ามารับตำแหน่ง เขาถูกมองว่าเป็นผู้จัดการทีมที่มีศักยภาพสูงจากผลงานที่ยอดเยี่ยมกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม โดยเฉพาะการพาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2019 แฟนบอลต่างคาดหวังว่าเขาจะสามารถนำพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลับสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ด้วยการสร้างระบบที่แข็งแกร่งและการนำเสนอฟุตบอลสไตล์ "Total Football" ที่เน้นการครองบอลและการเล่นที่ดุดัน อย่างไรก็ตาม การพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเป็นทีมแชมป์ไม่ใช่เรื่องง่าย ในฤดูกาลแรก เทน ฮากสามารถคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ได้สำเร็จ และพาทีมจบในตำแหน่งท็อปโฟร์ของพรีเมียร์ลีก ทำให้ความหวังของแฟนบอลยิ่งเพิ่มขึ้นอีก แต่เมื่อฤดูกาล 2023/24 เริ่มต้น ผลงานของทีมกลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หลายครั้งที่ทีมพ่ายแพ้ในเกมสำคัญ ฟอร์มการเล่นที่ไม่แน่นอน และการจัดการทีมที่ยังมีข้อวิจารณ์ ทำให้กระแสการตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของเทน ฮากเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่กูรูต่างเห็นตรงกันว่าเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับเทน ฮาก คือการจัดการกับ ความไม่สมดุลในทีม โดยเฉพาะในแนวรับและแดนกลาง ทีมยังคงขาดความมั่นคงและแนวทางการเล่นที่ชัดเจน หลายครั้งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พึ่งพาการเล่นของผู้เล่นคนสำคัญมากเกินไป เช่น บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งหากผู้เล่นเหล่านี้ฟอร์มตก หรือบาดเจ็บ เกมของทีมจะถูกกระทบอย่างมาก นอกจากนี้ การตัดสินใจในตลาดนักเตะของเทน ฮากยังถูกวิจารณ์ นักเตะบางรายที่ถูกดึงเข้ามา เช่น เมสัน เมาท์ และ ราสมุส ฮอยลุนด์ แม้จะมีศักยภาพแต่ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบทีมได้เร็วพอ ส่วนการจัดการผู้เล่นบางราย เช่น จาดอน ซานโช่ และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็สร้างความกังวลในเรื่องการบริหารทีมและจิตวิทยานักเตะ
จากมุมมองของเหล่ากูรูหลายคน ต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกันไปเกี่ยวกับอนาคตของเทน ฮากที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่หลายคนเห็นตรงกันว่า เวลา อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่จะตัดสินชะตาของเขา แกรี่ เนวิลล์ ตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนักวิเคราะห์ชื่อดัง มองว่า เทน ฮากยังต้องการเวลาในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่อย่างสมบูรณ์ การพาทีมคว้าแชมป์และจบอันดับท็อปโฟร์ในปีแรกเป็นสัญญาณที่ดี แต่ปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขคือความสม่ำเสมอของฟอร์มการเล่นในระยะยาว นอกจากนี้ เนวิลล์ยังเชื่อว่า หากบอร์ดบริหารยังคงสนับสนุนเขา เทนฮากมีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จได้ ขณะที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ นักวิจารณ์จากฝั่งลิเวอร์พูล มองว่า การที่เทน ฮากเผชิญกับความท้าทายนี้เป็นสิ่งปกติสำหรับการคุมทีมใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การแก้ปัญหาของทีมในเวลานี้ต้องการการจัดการที่เด็ดขาด และการสร้างเอกลักษณ์ของทีมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งเขาเชื่อว่าผู้จัดการทีมชาวดัตช์คนนี้มีความสามารถในการทำเช่นนั้น หากเขาสามารถรับมือกับแรงกดดันได้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความเห็นว่า การจัดการทีมของเทน ฮากยังมีข้อบกพร่องในแง่การดึงความสามารถสูงสุดของผู้เล่นออกมา และการเลือกใช้นักเตะในบางตำแหน่งก็ยังไม่ตอบโจทย์ต่อระบบทีม ซึ่งเขาเน้นว่า ผู้จัดการทีมจะต้องตัดสินใจในเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพื่อสร้างทีมที่มีความสมดุลและต่อสู้เพื่อความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
สำหรับอนาคตของ เอริก เทน ฮาก กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนนี้ยังคงมีความไม่แน่นอน หากเขาสามารถปรับทีมให้กลับมาเล่นด้วยฟอร์มที่ดีและคว้าชัยชนะในเกมสำคัญได้ ความกดดันจะลดลงและบอร์ดบริหารอาจยังคงให้โอกาสเขาในการพัฒนาทีมต่อไป แต่หากผลงานยังไม่กระเตื้องในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เส้นทางของเทนฮากกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาจถึงจุดสิ้นสุดเร็วกว่าที่คาด การนับถอยหลังอาจจะเริ่มขึ้นแล้วสำหรับอนาคตของ เอริก เทน ฮาก ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ไม่ว่าอย่างไร ทั้งแฟนบอลและเหล่ากูรูต่างคาดหวังว่าเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์และนำพาทีมกลับสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
