ศึก ฟุตบอลยูโร 2024 รอบชิงชนะเลิศ ดูบอล คืนวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา "สิงโตคำราม" อังกฤษ ฝ่าฟันสู่การชิงดำแม้ผลงานกระท่อนกระแท่น หวังคว้าแชมป์ครั้งแรก ปะทะ "กระทิงดุ" สเปน ไล่ล่าความสำเร็จในยุโรปสมัยที่ 4 หากทำได้พวกเขาจะขึ้นอันดับหนึ่งครองโทรฟี่รายการนี้มากที่สุดทันที
ครึ่งแรกเริ่มเกมไปจนถึงนาทีที่ 28 ดานี่ การ์บาฆาล จ่ายบอลให้ ฟาเบียน รุยซ์ ยิงแฉลบ มาร์ค เกฮี บอลน้ำหนักเบาตรงตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด
จากนั้นนาทีที่ 45 ไคล์ วอล์คเกอร์ ปาดบอลมาที่ แฮร์รี่ เคน ตวัดซัดเร็วติดบล็อก โรดรี้ เอร์นานเดซ หมดครึ่งแรกเสมอกัน 0-0
ทว่า ต้นครึ่งหลังเพียงสองนาที ลามีน ยามาล ลากบอลล็อกหนี ลุค ชอว์ ก่อนถ่ายออกซ้ายให้ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ วิ่งโล่งไร้ตัวประกบ ซัดเล่นทางหนีนายทวารสิงโตคำรามเข้าไปตุงตาข่าย 1-0
นาทีที่ 56 ลามีน ยามาล แทงบอลไปในเขตโทษ อัลบาโร่ โมราต้า ดอดซัดเลี่ยงตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด บอลกลิ้งกำลังเข้าประตู แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด สปีดลงช่วยเตะทิ้งทันเวลา
อีกสิบ นาทีต่อมา ดานี่ โอลโม่ จ่ายเรียดมาที่ ลามีน ยามาล โยกหลอก ลุค ชอว์ พร้อมยิงบอลติดมือนายด่านทรี ไลอ้อนส์ ที่ล้มตัวเซฟ
นาทีที่ 73 บูคาโย่ ซาก้า กระชากบอลยัดเข้าเขตโทษ จู๊ด เบลลิงแฮม แปะย้อนมาหน้ากรอบเขตโทษให้ โคล พาลเมอร์ ตัวสำรอง ซัดบอลดิ่งเสียบตาข่ายฝั่งซ้ายคมกริบ สิงโตคำราม ตีคืนเป็น 1-1
ท้ายเกมนาทีที่ 82 ดานี่ โอลโม่ เล่นบอลชิ่งให้ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ พักอกแปะคืนบอลเลยเข้าทางปืน ลามีน ยามาล พยายามปั่นบอลแต่เจอ จอร์แดน พิคฟอร์ด ล้มตัวปัดไว้ได้ยอดเยี่ยม
กระทิงดุเอาจนได้ 2-1 ในนาทีที่ 86 มาร์ก กูกูเรย่า ตบเรียดมาระยะ 7 หลา มิเกล โอยาร์ซาบัล แหย่เท้ายิงตามน้ำสวนตัวนายด่านคู่แข่งตุงตาข่าย
นาทีที่ 90 เดแคลน ไรซ์ โหม่งลูกเตะมุม อูไน ซิม่อน ปัดทิ้งช็อตแรก มาร์ค เกฮี โขกซ้ำบอลเจอ ดานี่ โอลโม่ ยืนคุมเส้นประตูสกัดทิ้งแบบเหลือเชื่อ จบเกม สเปน ชนะ อังกฤษ 2-1 พร้อมซิวแชมป์ ยูโร สมัยที่ 4 ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นเจ้าของโทรฟี่ใบนี้มากที่สุด ดับฝัน "สิงโตคำราม" ได้แค่พระรอง ยูโร สองครั้งติด
สเปน (4-2-3-1): อูไน ซิม่อน, ดานี่ การ์บาฆาล, โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์ (นาโช่ เฟร์นานเดซ น.83), เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์, มาร์ก กูกูเรย่า, โรดรี้ เอร์นานเดซ (มาร์ติน ซูบีเมนดี้ น.46), ฟาเบียน รุยซ์, ดานี่ โอลโม่, ลามีน ยามาล (มิเกล เมริโน่ น.89), นิโก้ วิลเลี่ยมส์, อัลบาโร่ โมราต้า (มิเกล โอยาร์ซาบัล น.68)
อังกฤษ (3-4-2-1): จอร์แดน พิคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, บูคาโย่ ซาก้า, ค็อบบี้ เมนู (โคล พาลเมอร์ น.70), เดแคลน ไรซ์, ลุค ชอว์, ฟิล โฟเด้น (ไอแวน โทนี่ย์ น.89), จู๊ด เบลลิงแฮม, แฮร์รี่ เคน (โอลลี่ วัตกิ้นส์ น.61)